FAQ R-Shop
คำถามทั่วไป
1. สามารถตั้งค่า SEO ที่สินค้า ได้หรือไม่
ตอบ ระบบ R-Shop เพิ่ม Product Mockup เพื่อให้ search engine ต่างๆ แสดงผลข้อมูลสินค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะดึงข้อมูลของชื่อสินค้า รหัสสินค้า รายละเอียดสินค้า มาแสดงในผลการค้นหา ท่านจึงไม่ต้องกังวลที่ไม่มีส่วนของการใส่ Title Tag, Meta Description หรือ Keyword
2. ถ้ามีสินค้าหลายหมวดหมู่ แล้วต้องการสร้างหมวดหมู่พิเศษ เพื่อดึงสินค้าเด่นๆ จากหมวดหมู่อื่นมารวมไว้ที่เดียวกันทำได้หรือไม่
ตอบ สามารถติดป้ายกำกับให้สินค้าแต่ละรายการได้ จากนั้น เมื่อไปยัง R-Web ให้เพิ่มเมนูประเภทป้ายกำกับสินค้า เช่น สินค้าขายดี สินค้ามาใหม่ เป็นต้น ระบบจะดึงสินค้าจากทุกๆ หมวดหมู่มาแสดงผลในหน้าเดียวกัน
3. สามารถตั้งค่า Stock สินค้าได้หรือไม่ กรณีที่สินค้าหมด ลูกค้าทราบได้อย่างไร
ตอบ ตั้งค่า Stock ได้ที่หน้าการสร้างสินค้า โดยระบุจำนวน Stock ที่มีอยู่จริง จากนั้นเมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อระบบจะตัด Stock ให้อัตโนมัติ หากสินค้าหมดจะมีแจ้งในหน้าสินค้านั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าทราบ และไม่สามารถกดสั่งซื้อได้
4. หากเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ขายสินค้าเป็นชิ้นๆ แต่เป็นบริการ สามารถใช้งาน R-Shop ได้หรือไม่
ตอบ สามารถใช้งานได้ โดยเลือกรูปแบบการสั่งซื้อเป็น แบบฟอร์มติดต่อกลับ เพื่อให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์ม ร้านค้าก็จะได้รับข้อมูลของลูกค้าเพื่อการสร้าง Lead (การติดต่อ)
5. หากเคยดึงข้อมูลสินค้าจาก R-Shop ไปที่ R-Web แล้ว มีการเพิ่มข้อมูลใน R-Shop ภายหลัง ต้องดึงข้อมูลใหม่หรือไม่
ตอบ ไม่จำเป็นต้องดึงข้อมูลใหม่ ระบบจะอัปเดตข้อมูลให้อัตโนมัติ
6. เมื่อสร้างสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องการให้ไปแสดงผลที่หน้าเว็บไซต์ ทำอย่างไร
ตอบ การนำสินค้ามาแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ ทำได้ 2 รูปแบบ คือ
1. เพิ่มเมนู เลือกเมนูประเภทหมวดหมู่สินค้า จากนั้นเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ และเมนูประเภทป้ายกำกับสินค้า เลือกป้ายกำกับสินค้าที่ต้องการ ระบบจะสร้างเมนูใหม่บนเว็บไซต์ โดยดึงสินค้าทั้งหมดที่มีการตั้งค่าป้ายกำกับตามที่เลือกไว้มาแสดง
2. เพิ่ม Section เลือก section หมวดหมู่สินค้า เลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ โดยกำหนดจำนวนสินค้าสูงสุดที่แสดงผลได้ ตั้งแต่ 4-24 ชิ้นต่อ section ซึ่งการเพิ่ม section สามารถเลือกสินค้าหลายหมวดหมู่ให้แสดงผลในหน้าเดียวกันได้
จัดการสินค้า
1. สินค้า 1 ตัว มีหลายขนาด หลายแบบ ตั้งค่าอย่างไร
ตอบ ต้องตั้งค่าตัวเลือกย่อย (Product Variants) กำหนดได้สูงสุด 3 คุณสมบัติ แต่ละคุณสมบัติใส่ได้สูงสุด 100 ตัวเลือก เช่น เสื้อยืด สี (สีแดง, สีน้ำเงิน) Size (S, M, L) เนื้อผ้า (ผ้าคอตตอน, ผ้าโพลีเอสเตอร์) เป็นต้น
2. หากสร้างสินค้าผิดหมวดหมู่ ต้องลบออกแล้วสร้างใหม่ หรือต้องแก้ไขอย่างไร
ตอบ เข้าไปยังหน้ารายละเอียดสินค้า จากนั้นหัวข้อหมวดหมู่ มีสัญลักษณ์รูปดินสอ สามารถเลือกหมวดหมู่ที่ถูกต้องของสินค้า
3. หากมีเว็บไซต์ 2 ภาษา ต้องสร้างสินค้าแยกแต่ละภาษาหรือไม่
ตอบ ในระบบ R-Shop ของเว็บไซต์ 2 ภาษา จะแสดงช่องกรอกข้อมูลสินค้าทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการใช้งาน R-Shop ร่วมกัน จึงไม่ต้องสร้างสินค้าแยกกัน
4. สินค้าชิ้นเดียวกัน สามารถตั้งราคาให้แตกต่างกันได้หรือไม่ เช่น ตั้งเป็นราคาส่ง
ตอบ สามารถทำได้โดยตั้งค่าราคาสินค้าตามจำนวน เป็นการกำหนดราคาสินค้าที่แตกต่างกันได้ ตามจำนวนที่สั่งซื้อ เช่น หากซื้อจำนวนมาก จะได้ราคาต่อชิ้นที่ถูกลง
รายการสั่งซื้อ
1. In-Chat Order คืออะไร
ตอบ ฟังก์ชันสำหรับให้ร้านค้าสามารถสร้างรายการสั่งซื้อจากระบบ R-Shop ระบบจะสร้างลิงก์รายการสั่งซื้อเพื่อให้ร้านค้าคัดลอกและส่งลิงก์ให้ลูกค้าคลิก เพื่อดำเนินการยืนยันการสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น R-Chat, LINE, Facebook Messenger เป็นต้น
จัดการสถานะรายการสั่งซื้อ
1. ต้องการให้ลูกค้าทราบสถานะของรายการสั่งซื้อต้องทำอย่างไร
ตอบ การจัดการรายการสั่งซื้อทำได้ที่ Order Management ซึ่งจะมีสถานะ รอชำระ > ชำระแล้ว > ระหว่างจัดส่ง > ถึงมือผู้รับ ซึ่ง Admin จะเป็นผู้ปรับสถานะของรายการสั่งซื้อ และมีการแจ้งเตือนลูกค้าผ่านทางอีเมล ทำให้ลูกค้าทราบสถานะของรายการสั่งซื้อในทุกขั้นตอน
2. เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าสำเร็จ และส่งหลักฐานการชำระเงินแบบโอนเงิน Admin ดูข้อมูลจากที่ใด
ตอบ ข้อมูลจะไปแสดงผลที่จัดการรายการสั่งซื้อ (Order Management) โดย Admin สามารถดาวน์โหลดไฟล์หลักฐานการโอนเงินที่ลูกค้าแนบมาได้ จากนั้นการติดตามสถานะของสินค้าก็จะแจ้งไปยังลูกค้าผ่านทางอีเมล
การคิดค่าขนส่ง
1. การคิดค่าขนส่งมีแบบใดบ้าง
ตอบ ประเภทการขนส่ง มี 5 ประเภท ดังนี้
- ฟรีค่าจัดส่ง เป็นการเลือกใช้งานค่าขนส่งแบบฟรี
- ระบุค่าจัดส่ง เป็นการตั้งอัตราค่าจัดส่งแบบคงที่
- ค่าจัดส่งตามจำนวน เป็นการตั้งค่าราคาค่าขนส่ง ให้คิดจากจำนวนชิ้นของสินค้า สามารถตั้งค่าช่วงจำนวนได้มากถึง 300 ช่วง
- ค่าจัดส่งตามน้ำหนัก เป็นการตั้งค่าราคาค่าขนส่ง ให้คิดจากน้ำหนักของสินค้า สามารถตั้งค่าช่วงน้ำหนักได้มากถึง 300 ช่วง
- แยกชำระค่าจัดส่ง ตั้งค่าเพื่อแยกชำระค่าขนส่ง โดยอาจจะมีการคิดค่าขนส่งและแจ้งลูกค้าเพิ่มเติม โดยไม่รวมกับราคาสินค้า
2. การตั้งค่าน้ำหนักของสินค้าแต่ละชิ้นเกี่ยวข้องกับการคิดค่าจัดส่งหรือไม่ อย่างไร
ตอบ การกำหนดน้ำหนักสินค้า เกี่ยวข้องกับการคิดค่าจัดส่งตามน้ำหนัก จะมีผลเมื่อลูกค้าเพิ่มจำนวนสินค้า น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้น โดยระบบจะคำนวณให้อัตโนมัติตามที่ร้านค้าตั้งค่าช่วงน้ำหนักและราคาไว้
การชำระเงิน
1. เพิ่มช่องทางชำระเงินอย่างไร
ตอบ การเพิ่มช่องทางการชำระเงิน มี 3 รูปแบบ คือ โอนเงิน ชำระผ่านบัตรเครดิต และเก็บเงินปลายทาง โดยไปที่เมนูการชำระเงิน > เพิ่ม > เลือกช่องทางการชำระเงิน และระบุรายละเอียด ซึ่งสามารถเพิ่มได้สูงสุด 5 รายการ
2. R-Shop รองรับบริการจัดส่งของขนส่งใดบ้าง สามารถเพิ่มบริการขนส่งอื่นๆ ได้หรือไม่
ตอบ ระบบรองรับไปรษณีย์ไทย และ Kerry ซึ่งเมื่อมีการระบุเลขพัสดุ ลูกค้าสามารถเช็คสถานะจากผู้ให้บริการนั้นๆ ได้รวดเร็วขึ้น แต่ถ้าหากเจ้าของร้านค้าต้องการเลือกใช้งานขนส่งอื่น จะมีตัวเลือก อื่นๆ โดยร้านค้าตั้งชื่อบริการขนส่ง และระบุค่าจัดส่งเพิ่มเติมได้
3. Omise, PayPal มีการคิดค่าธรรมเนียมหรือไม่
ตอบ - Omise คิดค่าธรรมเนียมตามรายการ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.omise.co/th
- PayPal คิดค่าธรรมเนียมแบบรายเดือน สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.paypal.com/th/webapps/mpp/home
ข้อความในตะกร้า
1. หากต้องการเพิ่มข้อความแจ้งรายละเอียดหรือเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้า เพื่อให้ลูกค้าอ่านทำความเข้าใจก่อนยืนยันการสั่งซื้อทำอย่างไร
ตอบ หน้าตั้งค่า > ข้อความในตะกร้า > ตะกร้าสินค้า มีพื้นที่สำหรับใส่ข้อความเพื่อแจ้งรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมให้ลูกค้าทราบก่อนยืนยันการสั่งซื้อ เช่น การตรวจสอบจำนวนสินค้า ราคาสินค้า หรือขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น
การเรียงสินค้า
1. การเรียงลำดับสินค้า มีกี่รูปแบบ ตั้งค่าอย่างไร
ตอบ ไปที่เมนูเรียงสินค้าในหน้าจัดการสินค้า หรือเมนูตั้งค่า > จัดเรียง ซึ่งการจัดเรียงสินค้า มี 6 ประเภท คือ สินค้าใหม่ไปเก่า, สินค้าเก่าใหม่, ชื่อสินค้า ก-ฮ, ชื่อสินค้า ฮ-ก, ราคาสินค้ามากไปน้อย, ราคาสินค้าน้อยไปมาก