การตั้งค่า

สามารถเริ่มต้นใช้งาน R-Ads โดยคลิกที่เมนูตั้งค่า เพื่อเชื่อมต่อบัญชีโฆษณาของคุณกับ Readyplanet เพื่อให้ระบบสามารถเก็บข้อมูลทางสถิติ พร้อมส่งข้อมูล Offline Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำโฆษณาออนไลน์ รวมถึงสามารถดูรายงานสถิติที่น่าสนใจของการทำโฆษณาผ่าน R-Ads ได้ โดยสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อบัญชี และ Offline Conversions ได้ทั้ง Google และ Meta

การตั้งค่า Google

การตั้งค่า Meta

 

*เกี่ยวกับ Offline Conversions

เนื่องจากในบางครั้งการทำโฆษณาออนไลน์ อาจจะไม่ได้ทำให้เกิดยอดขายทางออนไลน์โดยตรง แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการปิดการขายทางออฟไลน์ได้ เช่น ลูกค้าคลิกเพื่อแชทกับธุรกิจก่อนตัดสินใจซื้อ, ลูกค้าโทรติดต่อทีมขาย หรือ เข้ามาที่หน้าร้าน เป็นต้น โดยกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทางออฟไลน์ และมีโอกาสนำไปสู่การปิดการขายนั้น ถือเป็น Conversion รูปแบบหนึ่ง เรียกว่า "Offline Conversions" ซึ่งหากธุรกิจสามารถเก็บข้อมูล และส่งกลับไปยังบัญชีโฆษณาได้ ก็จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผล และเพิ่มประสิทธิภาพของการทำโฆษณาได้ดีมากยิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่

Google Ads Help Center : Offline Conversions

Meta Business Help Center : Offline Conversions

 


  

Google

1. ตั้งค่าการเชื่อมต่อบัญชี

เมื่อคลิกเข้ามายัง R-Ads สามารถเชื่อมโยงบัญชี Google Ads กับ Readyplanet โดยคลิกเมนู บัญชีโฆษณา และ คลิกปุ่ม งชื่อเข้าใช้ด้วย Google เพื่อลงชื่อเข้าใช้

เมื่อลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google เรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงข้อมูลบัญชี Google Ads โดยสามารถเลือกบัญชี Google Ads ที่ต้องการเชื่อมต่อ และคลิก บันทึก

เมื่อคลิกบันทึกเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงสถานะการเชื่อมต่อ ดังรูป กรณีต้องการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมบัญชี Google Ads สามารถคลิก แก้ไข ได้

หมายเหตุ : สำหรับธุรกิจที่ใช้บริการ Google Ads กับ Readyplanet เมื่อเข้าใช้งาน R-Ads ระบบจะเชื่อมโยงบัญชี Google Ads ให้อัตโนมัติ ดังตัวอย่าง

 

2. Offline Conversions

เมื่อเชื่อมต่อบัญชี Google Ads เรียบร้อยแล้ว สามารถตั้งค่า Offline Conversions โดยเลือกเปิดใช้งานเพื่อให้ R-Ads สามารถส่งข้อมูลไปยังบัญชี Google Ads ได้

 

Offline Conversions : R-Widget   

เมื่อเปิดใช้งาน Offline Conversions สำหรับธุรกิจที่มีการติดตั้ง Widget Code ของ R-Widget ไว้บนเว็บไซต์ Widget Code ที่ติดตั้งไว้จะเก็บข้อมูลสถิติการใช้งาน (การกรอกแบบฟอร์ม, การคลิกโทร, การคลิก LINE, และการคลิก Facebook) และรวบรวมส่งเป็นข้อมูล Offline Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา Google Ads เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดในการทำ Smart Bidding ต่อไปได้ 

หมายเหตุ: Smart Bidding คือ ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติ เรียนรู้เพิ่มเติม 

 

Offline Conversions : R-CRM

สำหรับธุรกิจที่ใช้งาน R-CRM โดยมีการรับ Lead จากแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ R-Web หรือแบบฟอร์มของ R-Widget สามารถตั้งค่า Offline Conversion เพื่อให้ระบบส่งข้อมูล Conversion ของแต่ละขั้นตอนไปยังบัญชี Google Ads ได้ เพื่อช่วย Optimize แคมเปญโฆษณา และวัดผลได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือก Lead Pipeline ที่ต้องการ และเลือกการส่งข้อมูลได้ทั้งข้อมูลที่อยู่ระหว่างติดตาม และเลิกติดตาม

 

 

Offline Conversions : Google Sheets

สามารถตั้งค่า Offline Conversions ให้เชื่อมต่อกับ Google Sheets ได้ เพื่อให้ระบบส่งข้อมูล Conversions ที่มีการเกิด Lead จากการกรอกแบบฟอร์มผ่าน Google Lead Form ไปยัง Google Sheets ที่กำหนดไว้ ธุรกิจสามารถอัปเดตสถานะของ Lead แต่ละขั้นตอนใน Google Sheets ได้ จากนั้นระบบจะส่งข้อมูล Conversions กลับมาที่ R-Ads และ R-Ads จะส่งข้อมูลต่อไปยังบัญชีโฆษณา เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงการโฆษณาในอนาคต

 

3. Leads

การตั้งค่าการดึงข้อมูลจาก Google Lead Forms และส่งไปยังปลายทางที่มีการเชื่อมต่อไว้ สามารถเชื่อมต่อได้ 2 ส่วน คือ Google Sheets และ R-CRM มีรายละเอียด ดังนี้

 

Leads : Google Sheets

เป็นการเชื่อมต่อ Google Lead Forms กับ Google Sheets เมื่อมีลูกค้ากรอกแบบฟอร์มเข้ามา ระบบจะส่งข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Google Sheets และทำการส่ง Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา หากธุรกิจต้องการส่งออกข้อมูลสามารถดาวน์โหลดผ่าน R-Ads ได้เช่นกัน

วิธีตั้งค่าการเชื่อมต่อ ไปที่เมนู Google Sheets จากนั้นคลิก เพิ่มการเชื่อมต่อ

เมื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เรียบร้อยแล้ว ทำการเลือกฟอร์มที่ต้องการให้ส่ง Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา

หากต้องการเชื่อมต่อกับ Google Sheets ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google จากนั้นเลือก Google Sheets ที่ต้องการเก็บข้อมูล โดยเลือกการ Browse หรือการคัดลอก URL

ตัวอย่างการเลือกไฟล์ Google Sheets จาก Google Drive

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว จะต้องคลิกเลื่อน Toggle ให้เป็นสีเขียว เพื่อเปิดใช้งานการเชื่อมต่อ

คลิกที่สัญลักษณ์จุด 3 จุด (Action Menu) กรณีที่ต้องการแก้ไข หรือ ลบการเชื่อมต่อ

 

Leads : R-CRM 

เป็นการเชื่อมต่อ Google Lead Forms กับ R-Ads เพื่อรับ Lead แล้วส่งต่อไปยัง R-CRM เมื่อมีลูกค้ากรอกแบบฟอร์มเข้ามา โดย R-Ads จะทำการส่ง CRM Conversion กลับไปยังบัญชีโฆษณา หากต้องการเชื่อมต่อให้คลิกไปที่เมนู R-CRM จากนั้นคลิก เพิ่มการเชื่อมต่อ

 

ทำการ Login Google จากนั้น เลือกบัญชี และเลือกฟอร์มที่ต้องการส่งข้อมูลไปยัง R-CRM โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ
1. ทั้งหมด เป็นการเลือกฟอร์มปัจจุบัน รวมถึงฟอร์มที่เพิ่มในภายหลังด้วย
2. กำหนดเอง เป็นการเลือกเฉพาะบางฟอร์มที่ต้องการ

จากนั้น เลือก ทางเข้า (Gate) ที่ต้องการส่งเข้าไปยัง R-CRM รายละเอียดเพิ่มเติม คู่มือการใช้งาน R-CRM Lead Receiver API

เมื่อบันทึกเรียบร้อยแล้ว จะแสดงรายละเอียด ดังรูป หากต้องการ แก้ไข หรือ ลบ การเชื่อมต่อ สามารถคลิกที่จุด 3 จุด (Action Menu) เพื่อดำเนินการได้

 

หมายเหตุ 

(1) Standard Pipeline: การส่งข้อมูลไปยัง Google ในแต่ละขั้นตอน ชื่อ Conversion จะแสดงเป็น RCRM-StepX 

X = ลำดับของแต่ละขั้นตอน ดังนั้นชื่อ Conversion ของ Standard Pipeline คือ RCRM-Step1, RCRM-Step2, RCRM-Step3, RCRM-Step4 และสถานะการส่งข้อมูลไปยัง Google เริ่มต้นคือส่งข้อมูล 

(2) Custom Pipeline: การส่งข้อมูลไปยัง Google ในแต่ละขั้นตอน ชื่อ Conversion จะแสดงเป็น RCRM(ฺCustomX)-StepY 

X = ลำดับ Custom Pipeline ที่ถูกสร้างขึ้นมา 

Y = ลำดับของแต่ละขั้นตอน 

ตัวอย่างเช่น RCRM(Custom1)-Step1, RCRM(Custom1)-Step2, RCRM(Custom1)-Step3, … เป็นต้น

 


  

Meta

1. ตั้งค่าการเชื่อมต่อบัญชี

เมื่อคลิกเข้ามายัง R-Ads สามารถเชื่อมโยงบัญชี Meta กับ Readyplanet โดยคลิกเมนู บัญชีโฆษณา ภายใต้หัวข้อ Meta และคลิกปุ่ม ตั้งค่า

จากนั้นคลิก ดำเนินการต่อด้วย Facebook เพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Facebook

เมื่อลงชื่อเข้าใช้ Facebook และอนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงบัญชีโฆษณาเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแสดงข้อมูล บัญชีธุรกิจ, บัญชีโฆษณาโดยสามารถเลือกบัญชีธุรกิจ และบัญชีโฆษณาที่ต้องการได้ หากต้องการแก้ไขสามารถคลิก เปลี่ยนบัญชี Facebook เพื่อดำเนินการเชื่อมต่อบัญชีใหม่ได้ หลังจากนั้นใส่ข้อมูล Pixel ID* เมื่อใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คลิก บันทึก

 

*Pixel ID จำเป็นต้องมีการตั้งค่า และคัดลอกข้อมูลจาก Meta Business Suite สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ Customer Support เพื่อแนะนำข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

โทร: 02-016-6789
อีเมล: info@readyplanet.com

 

เมื่อเชื่อมต่อ R-Ads กับบัญชี Meta เรียบร้อยแล้ว จะแสดงรายละเอียด ดังรูป กรณีต้องการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมบัญชี Meta สามารถคลิก แก้ไข ได้

 

2. Web Conversions

เป็นการติดตามข้อมูลและวัดผลการกระทำที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ ใช้ในการติดตามกิจกรรมต่าง ๆ บนเว็บไซต์ เช่น การคลิกปุ่ม การกรอกแบบฟอร์ม หรือการทำการสั่งซื้อ โดยการส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยัง Meta ผ่าน API เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโฆษณา

เมื่อเชื่อมต่อบัญชี Meta เรียบร้อยแล้ว สามารถตั้งค่า Web Conversions โดยเลือกเปิดใช้งานเพื่อให้ R-Ads สามารถส่งข้อมูลไปยังบัญชี Meta ได้

 

Web Conversions : R-Widget   

เมื่อเปิดใช้งาน Web Conversions สำหรับธุรกิจที่มีการติดตั้ง Widget Code ของ R-Widget ไว้บนเว็บไซต์ Widget Code ที่ติดตั้งไว้จะเก็บข้อมูลสถิติการใช้งานจากช่องทางต่าง ๆ เช่น การกรอกแบบฟอร์มฝากเบอร์ติดต่อกลับ, การคลิก Map, การคลิก LINE, การคลิก Facebook, การคลิกโทร, การกรอกแบบฟอร์ม เป็นต้น และรวบรวมส่งเป็นข้อมูล Web Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา Meta

 

Web Conversions : R-CRM

สำหรับธุรกิจที่ใช้งาน R-CRM โดยมีการรับ Lead จากแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ R-Web หรือแบบฟอร์มของ R-Widget สามารถตั้งค่า Web Conversion เพื่อให้ระบบส่งข้อมูล Conversions ของแต่ละขั้นตอนไปยังบัญชี Meta ได้ เพื่อช่วย Optimize แคมเปญโฆษณา และวัดผลได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือก Lead Pipeline ที่ต้องการ และเลือกการส่งข้อมูลได้ทั้งข้อมูลที่อยู่ในกล่อง Inbox และกล่องเลิกติดตาม

 

3. CRM Conversions

เป็นการติดตามและวัดผลข้อมูลที่มาจากระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management) ของคุณ ใช้ในการเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้าจาก R-CRM ไปยัง Meta เพื่อวัดผลการทำการตลาดและการโฆษณา เช่น การลงทะเบียน หรือการสมัครสมาชิกที่เกิดจากแคมเปญโฆษณาบน Meta

ส่วนของ CRM Conversions สามารถตั้งค่าได้โดยเลือก เปิดใช้งาน ซึ่งใช้สำหรับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ Instant Lead Forms เพื่อให้ R-Ads ส่งข้อมูลไปยังบัญชี Meta ได้

 

CRM Conversions : R-CRM

สำหรับธุรกิจที่ใช้งาน R-CRM โดยมีการรับ Lead จากแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ R-Web หรือแบบฟอร์มของ R-Widget สามารถตั้งค่า CRM Conversion เพื่อให้ระบบส่งข้อมูล Conversion ของแต่ละขั้นตอนไปยังบัญชีโฆษณา Meta ได้ เพื่อช่วย Optimize แคมเปญโฆษณา และวัดผลได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือก Lead Pipeline ที่ต้องการ และเลือกการส่งข้อมูลได้ทั้งข้อมูลที่อยู่ระหว่างติดตาม และเลิกติดตาม

 

ซึ่งข้อมูลการใช้งานจะถูกส่งไปยังบัญชีโฆษณา Meta โดยสามารถเลือก Lead Pipeline และเลือกการส่งข้อมูลได้

 

CRM Conversions : Google Sheets

สามารถตั้งค่า CRM Conversions ให้เชื่อมต่อกับ Google Sheets ได้ เพื่อให้ระบบส่งข้อมูล Conversions ที่มีการเกิด Lead จากการกรอกแบบฟอร์มผ่าน Facebook Lead Form ไปยัง Google Sheets ที่กำหนดไว้ ธุรกิจสามารถอัปเดตสถานะของ Lead แต่ละขั้นตอนใน Google Sheets ได้ จากนั้นระบบจะส่งข้อมูล Conversions กลับมาที่ R-Ads และ R-Ads จะส่งข้อมูลต่อไปยังบัญชีโฆษณา Meta เพื่อวัดผลการทำการตลาดและการโฆษณาในอนาคต


4. Lead

การตั้งค่าการดึงข้อมูลจาก Facebook Lead Forms และส่งไปยังปลายทางที่มีการเชื่อมต่อไว้ สามารถเชื่อมต่อได้ 2 ส่วน คือ Google Sheets และ R-CRM มีรายละเอียด ดังนี้

 

Lead : Google Sheets

เป็นการเชื่อมต่อ Facebook Lead Forms กับ Google Sheets เมื่อมีลูกค้ากรอกแบบฟอร์มเข้ามา ระบบจะส่งข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Google Sheets และทำการส่ง Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา หากธุรกิจต้องการส่งออกข้อมูลสามารถดาวน์โหลดผ่าน R-Ads ได้เช่นกัน

วิธีตั้งค่าการเชื่อมต่อ ไปที่เมนู Google Sheets จากนั้นคลิก เพิ่มการเชื่อมต่อ

 

 

เมื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Facebook เรียบร้อยแล้ว ทำการเลือกเพจ Facebook และเลือกฟอร์มที่ต้องการให้ส่ง Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา Meta

 

 

หากต้องการเชื่อมต่อกับ Google Sheets ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google จากนั้นเลือก Google Sheets ที่ต้องการเก็บข้อมูล โดยเลือกการ Browse หรือการคัดลอก URL

 

 

ตัวอย่างการเลือกไฟล์ Google Sheets จาก Google Drive

 

 

เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว จะต้องคลิกเลื่อน Toggle ให้เป็นสีเขียว เพื่อเปิดใช้งานการเชื่อมต่อ

 

 

คลิกที่สัญลักษณ์จุด 3 จุด (Action Menu) กรณีที่ต้องการแก้ไข หรือ ลบการเชื่อมต่อ

 

 

Lead : R-CRM 

เป็นการเชื่อมต่อ Facebook Lead Forms กับ R-Ads เพื่อรับ Lead แล้วส่งต่อไปยัง R-CRM เมื่อมีลูกค้ากรอกแบบฟอร์มเข้ามา โดย R-Ads จะทำการส่ง CRM Conversion กลับไปยัง Meta หากต้องการเชื่อมต่อให้คลิกไปที่เมนู R-CRM จากนั้นคลิก เพิ่มการเชื่อมต่อ

ทำการ Login Facebook จากนั้น เลือก Facebook Page และเลือกฟอร์มที่ต้องการส่งข้อมูลไปยัง R-CRM โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ
1. ทั้งหมด เป็นการเลือกฟอร์มปัจจุบัน รวมถึงฟอร์มที่เพิ่มในภายหลังด้วย
2. กำหนดเอง เป็นการเลือกเฉพาะบางฟอร์มที่ต้องการ

จากนั้น เลือก ทางเข้า (Gate) ที่ต้องการส่งเข้าไปยัง R-CRM รายละเอียดเพิ่มเติม คู่มือการใช้งาน R-CRM Lead Receiver API

เมื่อบันทึกเรียบร้อยแล้ว จะแสดงรายละเอียด ดังรูป หากต้องการ แก้ไข หรือ ลบ การเชื่อมต่อ สามารถคลิกที่จุด 3 จุด (Action Menu) เพื่อดำเนินการได้

 

หมายเหตุ 

(1) Standard Pipeline: การส่งข้อมูลไปยัง Google ในแต่ละขั้นตอน ชื่อ Conversion จะแสดงเป็น RCRM-StepX 

X = ลำดับของแต่ละขั้นตอน ดังนั้นชื่อ Conversion ของ Standard Pipeline คือ RCRM-Step1, RCRM-Step2, RCRM-Step3, RCRM-Step4 และสถานะการส่งข้อมูลไปยัง Google เริ่มต้นคือส่งข้อมูล 

(2) Custom Pipeline: การส่งข้อมูลไปยัง Google ในแต่ละขั้นตอน ชื่อ Conversion จะแสดงเป็น RCRM(ฺCustomX)-StepY 

X = ลำดับ Custom Pipeline ที่ถูกสร้างขึ้นมา 

Y = ลำดับของแต่ละขั้นตอน 

ตัวอย่างเช่น RCRM(Custom1)-Step1, RCRM(Custom1)-Step2, RCRM(Custom1)-Step3, … เป็นต้น

 


  

Value-Driven Conversion Tracking

ฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำโฆษณา โดยการนำเอามูลค่าที่แตกต่างกันของแต่ละ Conversion มาจัดลำดับความสำคัญ เพื่อใช้เป็นข้อมูลหลักสำหรับการเรียนรู้และปรับปรุงกระบวนการประมูลโฆษณาด้วย AI ของระบบโฆษณา ซึ่งช่วยให้การทำโฆษณามีประสิทธิภาพสูงสุด

 

การระบุมูลค่า Conversion ของแต่ละช่องทางทำได้ทั้งใน Google Ads และ Facebook Ads โดยมีวิธีคำนวณ 2 วิธี ดังนี้

1. คำนวณมูลค่าจากยอดขาย โดยการนำยอดขายทั้งหมดที่ได้รับจากโฆษณาหารด้วยจำนวน Lead ที่ได้มาจากโฆษณานั้น ๆ เพื่อคำนวณหามูลค่าเฉลี่ยของแต่ละ Lead ตัวอย่างเช่น 

การทำโฆษณาแล้วได้รับ Lead จากช่องทาง R-Widget (การคลิก LINE) 100 ราย และมีการปิดการขายได้ 3 ราย โดยที่ยอดขายทั้งหมดเท่ากับ 30,000 บาท (30,000/100=300) จะคำนวณได้ว่ามูลค่าของแต่ละ Lead เท่ากับ 300 บาท

2. คำนวณมูลค่าจากการถ่วงน้ำหนัก กรณีที่ไม่ทราบยอดขายที่แท้จริง หรือไม่สามารถคำนวณตามวิธีแรก ผู้ใช้งานสามารถกรอกยอดขายจากการถ่วงน้ำหนัก โดยการใช้มูลค่าตามสัดส่วนของ Lead ที่ปิดการขายได้ ตัวอย่างเช่น

ได้รับ Lead จากช่องทาง R-Widget (การคลิก LINE) 100 ราย ปิดการขายได้ 3 ราย
ได้รับ Lead จากช่องทาง R-Widget (การคลิก Facebook) 100 ราย ปิดการขายได้ 7 ราย

จากตัวอย่างข้างต้น ให้กรอกข้อมูลในช่องมูลค่า เป็น 3:7 โดย 
กำหนดมูลค่าในช่อง R-Widget (การคลิก LINE) เป็น 30 
กำหนดมูลค่าในช่อง R-Widget (การคลิก Facebook) เป็น 70

 

 

การเชื่อมต่อกับ Google Sheets

ตั้งค่าการเชื่อมต่อ R-Ads กับ Google Sheets เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยในการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการส่งข้อมูล Lead ที่เกิดจาก Google Lead Form และ Facebook Lead Form ไปยัง Google Sheets ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสามารถปรับสถานะของ Lead ได้ตามต้องการ จากนั้น R-Ads จะส่งข้อมูล Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ ปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

 

ตัวอย่างข้อมูลที่ส่งไปยัง Google Sheets

 

ข้อมูลใน Google Sheets จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ Lead Step, ข้อมูลจาก Ads และ ข้อมูลจาก Form

Lead Step

ผู้ใช้งานสามารถปรับสถานะของ Lead ซึ่งเทียบเท่ากับการเลื่อน Step ใน R-CRM เพื่อให้ระบบส่ง Conversions กลับไปยังบัญชีโฆษณา ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแก้ไขชื่อ Step หรือเพิ่ม Step ได้สูงสุด 10 Step


ข้อมูลจาก Ads

แสดงข้อมูลที่ได้รับมาจาก Ads คือ Lead ID, Campaign Name, Adset Name และ Ad Name


ข้อมูลจาก Form

แสดงข้อมูลที่ได้รับมาจากการกรอกแบบฟอร์ม เช่น ชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทร, อีเมล

 

หมายเหตุ: การส่งออกหรืออัปเดตข้อมูลไปยังบัญชีโฆษณา จะทำการอัปเดตในทุก ๆ ชั่วโมง